เพิ่มขนาดของท่านชาย ได้ดั่งใจ

เพิ่มขนาดของท่านชาย ได้ดั่งใจ
เพิ่มขนาดของท่านชาย ได้ดั่งใจ มากเป็น 2 เท่า
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บอร์ดมวยลดโทษบัวขาวชกไทยไฟท์7ส.ค.ได้


บอร์ดมวยลดโทษบัวขาวชกไทยไฟท์7ส.ค.ได้

บอร์ดมวยลดโทษบัวขาวชกไทยไฟท์7ส.ค.ได้
บอร์ดมวยลดโทษบัวขาวชกไทยไฟท์7ส.ค.ได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เรียกประชุมบอร์ดมวย ลงมติลดโทษแบนจาก 6 เดือนเหลือ 3 เดือน ทำให้พ้นโทษ วันที่ 16 ส.ค. นี้ สามารถขึ้นชกศึกไทยไฟท์ 2012 นัดที่ 2 วันที่ 17 ส.ค. นี้ ที่อังกฤษ ได้ทันที

ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชุมพล ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานประธานคณะกรรมการกีฬามวย หรือ บอร์ดมวย เป็นประธานประชุมบอร์ดมวย โดยมีวาระสำคัญ คือ การพิจารณากรณีที่ บ.สปอร์ตอาร์ต จำกัด ผู้จัดศึกไทยไฟท์, ค่าย ป.ประมุข ,และ บัวขาว ป.ประมุข  สามารถตกลงกันได้ และถอนฟ้องต่อกัน 

รวมทั้งถอนฟ้อง กกท.ด้วย ในการไกล่เกลี่ยที่ศาลแพ่งรัชดา เมื่อ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมทำสัญญาประนีประนอมต่อกัน ทำให้ บัวขาว กลับมาชกมวยไทยได้อีกครั้ง แต่ บัวขาว ยังไม่พ้นโทษแบน ที่ กกท.สั่งเพิกถอนใบอนุญาตชกมวยชั่วคราว 6 เดือน ตั้งแต่ 17 พ.ค.-17 พ.ย. นี้ ที่ไปชกมวยไทยไฟท์ 2012 เมื่อ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่พัทยา โดยไม่ได้รับอนุญาตจาก ค่าย ป.ประมุข 

ซึ่งคณะกรรการกีฬามวย กกท. ได้ลงนามในสัญญาประนีประนอมยืนยันต่อศาลแพ่งรัชดาว่าจะดำเนินการให้บัวขาว สามารถขึ้นชก ทำให้ต้องมีการพิจารณาเรื่องนี้ เพราะหากไม่ทำตามสัญญาที่ลงนามในศาลจะมีความผิด

โดย นายเดช ใจกล้า ผอ.สำนักงานกีฬามวย ในฐานะนายทะเบียน เสนอให้มีการลดหย่อนโทษแบน บัวขาว จาก 6 เดือน เหลือแค่ 3 เดือน ทำให้ บัวขาว จะพ้นโทษในวันที่ 16 ส.ค. นี้ ขณะที่ บัวขาว ได้ทำหนังสือถึงบอร์ดมวยด้วยว่า ยอมรับว่าทำผิดตาม พ.ร.บ.มวย จริง ในการขึ้นชกเมื่อ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา
และสำนึกผิดแล้ว ขอโอกาสขึ้นชกเพื่อทำชื่อเสียงให้กับตัวเองและประเทศชาติอีกครั้ง รวมทั้งหารายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว โดยจะตั้งใจทำหน้าที่ให้ดีที่สุด 

ซึ่งบอร์ดมวยพิจารณาแล้ว มีมติให้ลดหย่อนโทษ ตามที่นายทะเบียนเสนอมา เพราะได้มีการลงโทษแล้วพอสมควร และเป็นการอนุรักษ์และส่งเสริมกีฬามวยไทย บัวขาว เป็นคนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเรื่องกีฬามวยไทย 

การลดหย่อนโทษครั้งนี้ ทำให้ บัวขาว สามารถขึ้นชกศึกไทยไฟท์ 2012 นัดที่ 2 ที่ประเทศอังกฤษ ในวันที่ 17 ส.ค. นี้ทันที เพราะจะพ้นโทษในวันที่ 16 ส.ค. นี้

เที่ยว 7 วัดเติมพลังศรัทธา สู่บูรพาจารย์แดนอีสาน


เที่ยว 7 วัดเติมพลังศรัทธา สู่บูรพาจารย์แดนอีสาน

" บุญ " ความหมายตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ ของพระพรหม คุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) คือ เครื่องชำระสันดาน ความดี กุศล ความสุข ความประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ และกุศลธรรม ดังนั้นการทำบุญถือเป็นส่วนประกอบสำคัญทางพุทธศาสนาที่มุ่งหมายให้เกิดประโยชน์ต่อการทำนุบำรุงพระศาสนา เป็นประโยชน์แก่สงฆ์ และเป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนที่ทำบุญด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตไม่มีคำว่าบังเอิญ เมื่อมีเหตุย่อมมีผลตามมา อากาศบริสุทธิ์ยามเช้าสายลมเย็นสบายผัดผ่านก้อนเมฆน้อยล่องลอยเคลื่อนตัวผ่านช้าๆ แลเห็นตะวันค่อยๆทอแสงแดดไออุ่นเหลืองนวลบางเบาสาดส่องกระทบพื้นผิวประตูสีทองทางเข้าตึกการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ ภาพบรรยากาศเดิมสวยงามตาเคยมองดูอยู่เสมอ เพราะอดีตชาติเคยสร้างเหตุมาด้วยกันปัจจุบันจึงต้องมารับผลร่วมกัน วันนี้ชีวิตได้พบเจอผู้มีจิตศรัทธา ยึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย มีศีลครองใจ ดำรงอยู่ในศีลห้า มีใจศรัทธาในการทำนุบำรุงพระศาสนา และยินดีช่วยในกิจของสงฆ์เสมอ เพื่อนพ้องน้องพี่หน้าตาดีกันทุกคนมีน้ำจิตแบ่งปันน้ำใจมอบรอยยิ้มพิมพ์ใจ สร้างมิตรภาพที่ดีให้ซึ่งกันและกัน นั่งมองดูนัยน์ตาเป็นประกายสดใส น้ำเสียงร่าเริงแจ่มใส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะครอบครัวมีความสุขจากใจกับกิจกรรมการเดินทางสร้างบุญบารมีด้วยกันในครั้งนี้
บริเวณจุดลงทะเบียนรู้สึกว่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ จึงเดินเข้าไปหาแล้วลงชื่อก็เข้าใจ รับป้ายชื่อหอยคอ และกระเป๋าสำภาระ พร้อมข้อมูลที่ควรทราบ และของสำคัญที่ช่วยเติมเต็มให้ร่างกายมีพลัง " มีข้าวกล่อง + น้ำดื่ม แจกด้วยนะ" อิ่มอร่อยกับอาหารเช้ากันไปแล้วก็ถึงเวลาเปิดงานโดยมี นายเกรียงจิตร มิตรยอดวงศ์ บรรณาธิการอำนวยการฝ่ายกิจกรรมนิตยสาร PHOTOTECH กล่าว รายละเอียดของการจัดงานซึ่งในครั้งนี้มีผู้ใหญ่ใจดี คุณพัฒน์มาศ วงศ์พัฒนศิริ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธีเปิด ร่วมกับ นิตยสาร PHOTOTECH และ แทรเวล ไลน์ พร้อมพันธมิตรโดยบัตรเครดิตท่องเที่ยว ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันจัดโครงการ " เที่ยวหน้าฝน ยลธรรมะ และธรรมชาติ " ตอน พลังศรัทธา สู่บูรพาจารย์แดนอีสาน (สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต) เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวของภาคอีสาน ตามเส้นทาง กรุงเทพฯ - โคราช - ขอนแก่น - อุดรธานี - สกลนคร- กาฬสินธุ์ - มหาสารคาม โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนและครอบครัว นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศแหล่งท่องเที่ยวของภาคอีสาน และการประกวดภาพถ่ายชิงถ้วยเกียรติยศจาก ททท.
หลังจากจบพิธีเปิดงานถ่ายภาพหมู่เก็บไว้เป็นที่ระลึกกันเสร็จเรียบร้อยแล้วถึงเวลาออกเดินทางสู่ดินแดนบูรพาจารย์ภาคอีสาน นำขบวนรถโดยตำรวจ กองปราบปรามฯ มุ่งหน้าสู่ประตูอารยธรรมอีสาน นครราชสีมา  อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์โต ภาพบรรยากาศเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นต้นไม้น้อยใหญ่ ตะวันท่อแสงแดดอันแรงกล้า กระทบพื้นน้ำสีเขียวดูงามตาลำตะคอง บนถนนมิตรภาพ ห่างอำเภอสี่คิ้ว มาประมาณ 2 กิโลเมตร หรือ ก่อนถึงโคราช ประมาณ 40 กิโลเมตร มองเห็น อุทยานมูลนิธิสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วิหารสีขาวสะอาดตา ให้ลวดลายสีทองโดดเด่นเป็นสง่างาม อุทยานแห่งนี้ หรือ ที่หลายๆคนเรียกชื่อที่นี่ว่า วัดสรพงษ์ จนติดปากกัน คุณสรพงษ์ ชาตรี สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาต่อองค์ท่าน มีความตั้งใจเดิมไม่ใช่วัด ไม่มีพระสงฆ์ จะสร้างให้เป็นมูลนิธิ เพื่อให้คนที่เคารพบูชาสมเด็จโตเข้าไปกราบไว้ และ เพื่อใช้ในการบำเพ็ญประโยชน์ ช่วยเหลือสังคม เป็นมูลนิธิที่ส่งเสริมการเรียนการสอนของเด็กด้อยโอกาส
จากประตูทางเข้ามาถึงส่วนแรก อาคารกองอำนวยการ และประชาสัมพันธ์ มีป้ายสีเหลืองฝากข้อความเอาไว้สำหรับผู้ที่ยังไม่มีความพร้อมจะมาทำบุญให้สติเตือนใจ " เขตวิหารฯลานบุญ โปรดแต่งกายให้สุภาพ " เพียงก้าวเดินไปด้านซ้ายมืองามตางานพุทธศิลป์ พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) องค์จำลองเนื้อสีขาว ผู้มีจิตศรัทธามากมายมาทำบุญร่วมใจกันติดแผ่นทอง เมื่อยามตะวันทอแสงอ่อนส่องกระทบพระพุทธไสยาสน์ สะท้อนแสงสีเหลืองนวลทั่วบริเวณ อบอุ่นสุขอยู่ในใจยิ่งนัก การทำบุญที่จะส่งผลบุญให้แก่ชีวิตได้มากนั้น ขอให้มีจิตศรัทธาอย่างจริงใจ มีความตั้งใจเลื่อมใสที่อยากทำบุญจริงๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าทำๆตามเขาไปอย่างนั้นเอง จะต้องมีเจตนาความรู้สึกที่ดีงาม " ก่อนทำบุญ ในขณะที่กำลังทำบุญ และหลังจากทำบุญ ให้อยู่ในอารมณ์เดิมเดียวกัน " ด้วยความยินดีและศรัทธา นี้ย่อมจะส่งผลบุญให้พร้อมกับความอิ่มเอิบเป็นสุขใจอย่างแท้จริง  ในบุญกิริยาวัตถุสิบ คือ แนวทางการทำบุญสิบวิธี ข้อที่หนึ่งว่าด้วยเรื่องของ " บุญทานมัย " คือ การให้ทานเป็นการทำบุญด้วยการแบ่งปันสิ่งของ หรือ เงินทองให้แก่ผู้อื่น นอกจากได้บุญแล้วยังช่วยลดและไม่ยึดติดในวัตถุหรือความเห็นแก่ตัว ซึ่งภายในอาคารกองอำนวยการ และประชาสัมพันธ์แห่งนี้มีวิธีให้เราได้สร้างบุญทานมัยกัน
เริ่มจากต้นเสาสีแดงมีช่องให้ใส่ดอกกุหลาบประดิษฐ์หลากสีสันสวยงาม พร้อมปัจจัย เงินทำ " บุญผ้าป่า " ใกล้ๆกันเชิญซื้อที่ดินตารางวาละ 1 บาท เราจะได้รับโฉนดที่ดิน เป็นหนังสือสำคัญแสดงการถวายที่ดิน ในโครงการสร้าง " พระพุทธไสยาสน์ ทองสัมฤทธิ์ ยาว 89 เมตร " และขอเชิญร่วมทำบุญ กระเบื้องศาลาทานบารมี ถวายสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เดินเก็บภาพบรรยากาศผู้มีจิตศรัทธาสร้างบุญทานมัย ภายในใจรู้สึกยินดีด้วยทำให้คิดถึง บุญกิริยาวัตถุสิบข้อที่แปดว่าด้วยเรื่องของ " ปัตตานุโมทนามัย " คือ การยินดีในบุญของผู้อื่น เป็นการทำบุญโดยมีใจรู้สึกยินดีและให้ความยอมรับที่ผู้อื่นได้ทำความดีและได้ผลดีจากการกระทำนั้น ถนนทางเดินก็นำพามาพบ มหาวิหารแบบกุฎาคาร (เรือนยอดเจดีย์) ให้เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม โดยจัดสร้างรูปหล่อเหมือนองค์จริงของท่าน ให้องค์ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดหน้าตักกว้าง 8 เมตร สูง 13 เมตร (ขนาดเท่าตึกสองชั้น) น้ำหนักรวม 61 ตัน ในการก่อสร้างต้องทำการหล่อด้วยทองเหลือง แยกชิ้นส่วนกันถึง 127 ส่วนและนำมาประกอบกันเป็นองค์พระพุฒาจารย์โต องค์ใหญ่ ปิดด้วยทองคำบริสุทธิ์ เสร็จเรียบร้อยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2543
กราบสักการะขอพร องศ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) พุทธศาสนิกชนมีใจศรัทธา นับถือ เคารพ บูชา คาถาศักดิ์สิทธิ์ชินบัญชร ซึ่งถือกันว่าเป็นคาถาที่ตกทอดมาจากลังกา เป็นสิริมงคลแก่ผู้สวดภาวนา และบริเวณโดยรอบฐานรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังษี) เห็นบาตรวางเป็นแถวยาว พานทองใบน้อยน่ารัก มีเหรียญสตางค์เตรียมไว้ให้ผู้ต้องการร่วมทำบุญใส่บาตรพระอรหันต์ 108 องค์ ตามศรัทธา นอกจากรูปหล่อทองเหลืององค์ใหญ่ของสมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหฺมรังสี) ยังมีรูปเหมือนขนาดเท่าองค์จริงคล้ายหุ่นขี้ผึ้ง มีเส้นผมเหมือนจริงมากอีกองค์หนึ่งในส่วนของวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช หอแก้ว หอพระ กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ภูมิทัศน์โดยรอบตกแต่งด้วย น้ำพุ น้ำตก สระน้ำ เคียงคู่สวนหินกลมกลืนสวยงามร่มรื่นไม้ดอกร่มเย็นไม้ประดับ ทางเดินก็นำพาเรามาพบโรงทานไว้บริการผู้ที่ผ่านไปมาและมาบำเพ็ญกุศล โรงทานแห่งนี้เปิดให้บริการอาหารฟรีโดยอาหารขึ้นชื่อที่ผู้เข้ามาในอุทยานฯ จะพลาดไม่ได้ต้องมาแวะชิม " ราดหน้าชาววัง " มีเนื้อหมู เส้นใหญ่ ใส่ผักคะน้า มองดูผ่านๆหน้าตาธรรมดา แต่เมื่อลิ้นได้สัมผัสชิมรสชาติไม่ธรรมดากลมกล่อมอร่อยจริงๆ คนทำยิ้มแย้มแจ่มใส คนกินมีความสุขแล้วก็อย่าลืม ใส่ปัจจัยลงในกล่องบริจาคเอาไว้ให้ผู้เข้ารับประทานอาหารได้ร่วมต่อบุญให้กับผู้ที่มาทีหลังตามจิตศรัทธาอีกด้วย
สถานที่ต่อไปเราออกเดินทางสู่เมืองเสียงแคนดอกคูน จังหวัดขอนแก่น มาถึงอำเภอเมือง บนถนนกลางเมือง ริมบึงแก่นนคร นมัสการ พระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้น แห่งวัดหนองแวง จัดสร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และ มหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น พระมหาธาตุแก่นนครเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กก่ออิฐ ถือปูน ฐานสี่เหลี่ยมเรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุมและมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็นลักษณะแบบชาวอีสานปากแห บริเวณด้านหน้าพบพระพุทธรูปประจำวันเกิดอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ซึ่งในวันสำคัญทางพุทธศาสนา จะมีชาวพุทธจำนวนมาก มาเวียนเทียน และไหว้พระประจำวันเกิด เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้า มีฆ้องขนาดใหญ่ใกล้บันไดทางขึ้นไปชั้นแรก เป็นหอประชุมมีพระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานอยู่บนบุษบกและพระประธาน 3 องค์อยู่ตรงกลาง และพบกับที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ ๑๐๐ องค์ ที่บรรจุอยู่ในโถแก้ว จะอยู่ในตู้กระจกด้านซ้ายมือของที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้า ส่วนบานประตู หน้าต่าง แกะสลักภาพนิทานเรื่องจำปาสี่ต้น โดยเฉพาะบานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ และมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น เช่น จิตรกรรมฝาผนัง รูปพระธาตุขามแก่น
ภายในรวบรวมพระธรรมคัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา แต่ละชั้นโดดเด่นด้วยลวดลายของบานประตู และหน้าต่างแกะสลัก บอกเล่าเรื่องราวเป็นภาพชาดก ภาพพุทธประวัติ ภาพแกะสลักรูปพรหมสิบหกชั้น สำหรับผู้ที่มีพลังกายและจิตใจมุ่งมั่นก้าวเดินไปให้ถึงในส่วนชั้นบนสุดของพระธาตุซึ่งเป็นสถานที่สำคัญบรรจุพระบรมสารีริกธาตุกลางบุษบก อานิสงส์ที่ได้รับสักการบูชาพระธาตุเก้าชั้น เปรียงดังบูชาองค์พระพุทธเจ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชีวิตมีความเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองอีกทั้งยังสามารถชมทัศนียภาพของเมืองขอนแก่นได้รอบทั้ง 4 ทิศมีหมู่บ้านล้อมรอบสามด้าน และมีบึงแก่นนครอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ความสวยงามของพระมหาธาตุแก่นนครยังคงอยู่ในความทรงจำของใครหลายคน
เช็คอินเข้าโรงแรมที่พัก ค่ำคืนนี้ รับประทานอาหารเย็น พร้อมฟังการบรรยายเทคนิคการถ่ายภาพให้สวยสมใจกับ Presentation ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะจากวิทยากรระดับบรมครู อาจารย์ธวัช มะลิลา ที่ปรึกษาสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเปิดมุมมองวิธีคิด สร้างสรรค์งานถ่ายภาพให้ก่อเกิดเป็นพื้นฐานอย่างมั่นคงลงสู่จิตใจของผู้ฟัง
ตื่นนอนตอนเช้ารับอรุณวันใหม่กับอุทยานแห่งธรรมะตามทางหลวงหมายเลข 2 อุดรธานี-ขอนแก่น ผ่านชุมชนบ้านตาดไม่ไกลมากนัก เราก็มาถึงวัดป่ากรรมฐานแห่งนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศตั้งขึ้นเป็นวัดในพระพุทธศาสนา และให้ชื่อว่า " วัดเกสรศีลคุณ " แต่ชาวบ้านจะรู้จักและเรียกกันในนาม " วัดป่าบ้านตาด " สภาพโดยทั่วไปมีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าบนโคก ล้อมรอบด้วยกำแพงคอนกรีต มีประตูเข้า-ออกเป็นประตูใหญ่ ทั้งนี้เพื่อป้องกันสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าของวัดออกมาทำร้ายชาวบ้าน
วัดป่าบ้านตาดสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานของ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสมฺปนฺโน) ท่านเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดปฏิปทาของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ยังทรงธาตุทรงขันธ์เป็นที่พึ่ง วัดป่าบ้านตาดเป็นที่เคารพศรัทธา เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน โดยทั่วไป ภายในวัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไปปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะ ในบุญกิริยาวัตถุสิบข้อที่สามว่าด้วยเรื่องของ " ภาวนามัย " คือ การเจริญภาวนาเป็นการทำบุญด้วยการตั้งจิตบำเพ็ญภาวนาด้วยการสวดมนต์ เจริญสมาธิ เพื่อให้จิตใจสงบและละจากกิเลสต่างๆ และการปฏิบัติธรรมก็เป็นการรักษาศีลด้วย ซึ่งในบุญกิริยาวัตถุสิบข้อที่สองว่าด้วยเรื่องของ " สีลมัย " คือ การถือศีล เป็นการทำบุญด้วยการรักษาศีลและข้อปฏิบัติที่ดีงามต่างๆ
ภายในบริเวณวัดบรรยากาศเงียบ สงบ มีต้นไม้เขียวชอุ่มให้ความร่มรื่นของธรรมชาติ มีศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นศาลาไม้หลังใหญ่สูง 2 ชั้น บริเวณด้านล่างมีกิจกรรมให้เราได้สร้างบุญทานมัยร่วมกัน คือ ขอเชิญร่วมสร้าง " พิพิธภัณฑ์ธรรมเจดีย์ " และร่วมทำบุญสมทบทุน...มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนซึ่งด้านบนศาลานั้น คือ ที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปองค์ใหญ่ซึ่งเป็นพระประธานของวัด ทั้งยังใช้เป็นที่แสดงธรรมแก่พระภิกษุสามเณรในวัด และตู้ซึ่งตั้งอยู่ที่ด้านขวาขององค์พระประธานนั้นก็คือ ที่ประดิษฐานอัฐิธาตุของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของหลวงตามหาบัว รวมทั้งอัฐิธาตุของครูบาอาจารย์องค์อื่น ๆ ส่วนด้านล่างศาลานั้น ถูกใช้เป็นที่สำหรับฉันภัตตาหารเช้า อันเป็นสถานที่ที่หลวงตามหาบัวใช้ในการแสดงธรรมเทศนาและปฏิสันถารกับศรัทธาฆราวาสญาติโยม ที่มาจากทุกสารทิศอย่างไม่ขาดสายไม่เว้นในแต่ละวัน ถึงแม้ว่า หลวงตามหาบัว ท่านได้ละสังขารไปแล้ว เมื่อเวลา 03.53 น. วันที่ 30 มกราคม 2554 แต่คำสอนของท่านยังคงอยู่ในใจลูกศิษย์ทั้งหลายอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของความรักชาติที่ท่านได้เป็นต้นแบบให้หลาย ๆ คนได้ทำตาม
เรายังคงอยู่ใน อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ใช้เส้นทางถนนเพาะนิยม เดินทางไปตำบลหมากแข้ง เยี่ยมชม วัดโพธิสมภรณ์ พระอารามหลวง ชั้นตรี ชนิดสามัญ สังกัดฝ่ายธรรมยุติ เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร(โพธิ เนติโพธิ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ได้ชักชวนราษฎรในหมู่บ้านหมากแข้งสร้างวัด ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่าวัดใหม่ต่อมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้ทรงประทานนามว่า "วัดโพธิสมภรณ์" ให้เป็นอนุสรณ์แก่พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรผู้สร้างวัดนี้
ในปี พ.ศ. 2550 พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป) เจ้าอาวาสวัดโพธิสมภรณ์ และบรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งฝ่ายบรรพชิต และคฤหัสถ์ทั้งภายในและภายนอกวัดโพธิสมภรณ์ ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใส จึงเห็นพร้อมกันดำริจัดสร้างพระเจดีย์ถวาย เพื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุอัฐิธาตุหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และปูชนียวัตถุมหามงคล ขึ้นประดิษฐานในสถานที่อันมั่นคงถาวรไว้เป็นมงคลสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่แผ่นดินไทย และน้อมเกล้าฯถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย โดยขนานนามว่า " พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ " ลักษณะผสมผสานสัญลักษณ์ของอีสานตอนบนและสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ โดยใช้วัสดุและวิธีการทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมชั้นสูง คำนึงถึงหลักธรรมแห่งพระพุทธศาสนา เน้นสาระธรรมคงความเรียบง่าย มั่นคงถาวร สะดวกในการดูแลรักษา งามสง่าสูงค่าน่าเลื่อมใส ทรงคุณค่าแห่งสาระธรรม ไว้เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานปูชนียวัตถุมหามงคล ให้ลูกหลานได้กราบไว้สักการบูชาเป็นขวัญตาขวัญใจสืบไป
ดังนั้นก่อนจะขึ้นไปกราบนมัสการพระบรมธาตุธรรมเจดีย์โปรดให้ความสนใจสักนิด บริเวณด้านหน้ากระไดทางขึ้นป้ายแผ่นหิน มีข้อความสำคัญฝากเอาใจว่า " เพื่อความเป็นสิริมงคล พึงรักษาประเพณีอันดีงามของชาวพุทธ จึงขอให้ทุกท่านร่วมกันปฏิบัติตามกฎระเบียบ ด้วยความเคารพเทิดทูน " ภายนอกผนังกรุหินแกรนิต จารึกพุทธโอวาท และ คติธรรมหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล , หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต บานประตูไม้สัก แกะสลักเรื่องราว เทพดาอารักขาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดยังมีสถานที่น่าสนใจต่างๆ อาทิ เช่น พระเจดีย์พิพิธภัณฑ์บูรพาจารย์ฝ่ายกัมมัฏฐาน พระระเบียงพระเจดีย์ และศาลามงคลธรรม ตั้งอยู่บริเวณมุมทั้งสี่ของพระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐาน ชีวประวัติย่อ คติธรรม และรูปเหมือนพระบูรพาจารย์พระธุดงคกรรมฐาน
บริเวณใกล้ๆมีสำนักงานทำนุบำรุงพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ ทำหน้าที่ดูแลรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย อำนวยความสะดวก ติดต่อประสานงาน ให้คำแนะนำ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์แก่ผู้มากราบนมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ พร้อมแจก" คู่มือกราบนมัสการ พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ " ในหน้าสุดท้ายข้อความจากสำนักงานทำนุบำรุงพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ วัดโพธิสมภรณ์ ขอเชิญพุทธบริษัทสี่ทุกท่านร่วมกันทำนุบำรุงพระบรมธาตุธรรมเจดีย์ เพื่อให้เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ คู่แผ่นดินไทยยั่งยืนสืบไป ตราบนานเท่านาน และสาธุชนท่านใดมีจิตศรัทธา ประสงค์จะร่วมกิจกรรมในการทำนุบำรุงรักษา พระบรมธาตุธรรมเจดีย์ อาทิ การทำความสะอาดกวาดลานชำระพระเจดีย์ อ่านมาถึงตรงนี้ทำให้ใจคิดถึงบุญกิริยาวัตถุสิบข้อที่เจ็ดว่าด้วยเรื่องของ " เวยยาวัจจมัย " คือ การอุทิศตนเพื่อนสังคม เป็นการทำบุญด้วยการใช้แรงกายแรงใจช่วยเหลืองานใดๆ ก็ตามที่จะก่อเกิดประโยชน์ต่อคนหมู่มากในสังคมโดยไม่หวังสิ่งใดๆ ตอบแทน ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่เราสามารถสร้างบุญได้ด้วยนะ
จากจังหวัดอุดรธานีเราเดินทางไป " ถิ่นมั่นในพุทธธรรม อู่อารยธรรมแห่งอีสานตอนบน " ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร ตรงข้ามทางเข้าศูนย์ราชการจังหวัด มาถึง วัดป่าสุทธาวาส ในปัจจุบันเป็นสำนักเรียนสำคัญของพระภิกษุสงฆ์ ภายในวัดนอกจากอุโบสถ มีปูชนียสถานสำคัญ " อาคารพิพิธภัณฑ์บริขารพระอาจารย์ มั่น ภูริทัตตเถระ " สร้างบนสถานที่หลวงปู่มั่นมรณภาพภายในอาคารมีการจำลองรูปเหมือนโดยสร้างจากหุ่นขี้ผึ้งในท่าขัดสมาธิ ด้านหน้ามีอัฐิธาตุของพระอาจารย์มั่น พร้อมจัดแสดงประวัติความเป็นมาของท่านตั้งแต่เกิดจนมรณภาพ และเครื่องใช้อัฐบริขารที่จำเป็นต่อสมณเพศเหมือนกับพระสงฆ์ทั่วๆไป บริขารเบ็ดเตล็ด นอกจากวัตถุที่ท่านใช้ในการบำเพ็ญสมณเพศตามที่กล่าวมาแล้วยังมีวัตถุอื่นๆอีกกลุ่มละเล็กละน้อย ซึ่งศิษยานุศิษย์ได้นำมาเก็บรวบรวม และจัดแสดงไว้เป็นอนุสรณ์บูชาเครื่องใช้ประจำวัน พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมและการแผ่กุศลคุณงามความดี ยึดหลักของชีวิตสมณเพศอย่างเคร่งครัด ด้วยเหตุนี้ เครื่องใช้ประจำวันของท่านจึงมีเฉพาะสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีพเท่านั้น วัตถุต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าท่านตัดวัตถุทั้งหลายทั้งปวงออกจากบ่วงของกิเลสจนหมดสิ้น
ในส่วนของหนังสือเกี่ยวกับธรรม แม้พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ จะปฏิบัติธุดงคกรรมฐาน และอยู่ตามป่าเขาต่างๆ เป็นประจำก็ตาม แต่ท่านก็มิได้ละเว้น ที่จะศึกษาหนังสือธรรมอื่นๆ เช่นพุทธศาสนิกชนทั้งหลายศึกษากัน อีกทั้งยังเก็บรักษาเอกสารที่สำคัญไว้ด้วยความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง หนังสือเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นหลักธรรมคำสั่งสอนต่างๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและบางส่วนเป็นนิทานอิงธรรมะ ซึ่งสำนักพิมพ์ต่างๆ พิมพ์ขึ้นเผยแพร่ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ เคยอธิบายให้สานุศิษย์ฟังเสมอว่า "...หนังสือชาติใดก็ตาม สามารถจารึกคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทั้งนั้น จึงควรเคารพยำเกรง..." , " ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ ", " ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตัวตนเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง "โวหารธรรมของท่าน อันศิษยานุศิษย์พึงจดจำเป็นเนติแบบอย่างสืบต่อไป
วันนี้คณะของเราโชคดีมีบุญได้ฟังธรรมจากเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส ซึ่งในบุญกิริยาวัตถุสิบข้อที่ห้าว่าด้วยเรื่องของ " ธัมมัสสวนมัย " คือ การฟังธรรมะ แล้วน้อมนำเอาสิ่งดีๆ มาใช้เป็นแนวคิดและแนวปฏิบัติในการดำเนินชีวิต ซึ่งธรรมะจะช่วยเปิดปัญญาให้สว่าง ถือว่าเป็นบุญอย่างหนึ่ง และข้อที่หกว่าด้วยเรื่องของ " ธัมมเทสนามัย " คือ การแสดงธรรม เป็นการทำบุญโดยแบ่งปันข้อคิดดีๆให้แก่ผู้อื่นได้รับ และสามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตของเขาได้ พิพิธภัณฑ์บริขารพระอาจารย์ มั่น ภูริทัตตเถระ อาคารนี้ก่อสร้างโดยสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย และดูใกล้ชิดกับธรรมชาติ อันเป็นการสะท้อนถึงการใช้ชีวิตของท่านตลอดทั้งชีวิตการอุปสมบท บริเวณโดยรอบสงบเงียบร่มรื่นร่มเย็นใต้เงาไม้น้อยใหญ่
จากสกลนครเราเดินทางไปกาฬสินธุ์ อำเภอสหัสขันธ์ ตำบลสหัสขันธ์ บ้านนาสีนวล นมัสการ " มหาธาตุเจดีย์ วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) " สถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ยอดเจดีย์เป็นทองคำแท้บริสุทธิ์ หนัก 30 กิโลกรัม ประดับด้วยอัญมณี-เพชร-พลอย พื้นผิวผนังโดยรอบเจดีย์เป็นทรายขัดทำเป็นรูปหนุมาน แสดงท่าต่างๆ ส่วนรอบๆ เป็นรูปเหตุการณ์สำคัญทางศาสนางานประณีตมากๆในพระมหาธาตุเจดีย์ มีประตูเป็นไม้แผ่นชิ้นเดียวขนาดใหญ่ ข้างในยิ่งตระการตา ผนังเป็นทรายขัดทำเป็นรูปพระอรหันต์ ส่วนยอดจะเป็นผ้าทอสีทอง ลายดอกบัว 4 แบบตรงกลางเจดีย์ เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ บรรจุอยู่ในเจดีย์แก้วเล็กๆ เรียงเป็นรูปต้นโพธิ์ ด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธนิมิตเหล็กไหล ทั้งองค์มีเนื้อสีดำ ประทับอยู่บนฐานไม้ ส่วนรอบ ๆ ภายในพระมหาธาตุเจดีย์ จะมีพระพุทธรูปประดิษฐานรายรอบเต็มไปหมด
ในส่วนบริเวณถ้ำภูค่าว เป็นสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาอีกแห่งหนึ่งภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ภูค่าว สลักอยู่เพิงผา ขนาดย่อม ซึ่งแตกต่างจากพระพุทธไสยาสน์ทั่วไป คือ นอนตะแคงซ้าย และไม่มีพระเกตุมาลา ผู้รู้ได้สันนิษฐานว่า เป็นสัญลักษณ์ของ " พระมหาโมคคัลลานะเถรเจ้า " พระอัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 กว่าปีมาแล้ว โดยเป็นปูชนียวัตถุโบราณแห่งแรกของ จ.กาฬสินธุ์ ที่กรมศิลปากรรับจดขึ้นทะเบียน หลังจากที่ " สมเด็จพระมหาวีรวงษ์ " (อ้วน ติสฺสมหาเถร) อดีตปฐมสังฆนายกแห่งคณะสงฆ์ไทย วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพฯ ได้มากราบพระไสยาสน์องค์นี้ เมื่อ พ.ศ.2484 มีบัญชาให้อธิบดีกรมศิลปากร จดทะเบียนไว้ พระไสยาสน์องค์นี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านทั่วไปและทางวัดจะจัดให้มีงานสรงน้ำพระพุทธรูปไสยาสน์ในวันตรุษสงกรานต์วันที่ 19 เมษายนของทุกปี
บริเวณภายในวัดยังมีอุโบสถไม้แบบเปิดโล่งไม่มีฝาผนังปิดกั้นก่อสร้างแบบภาคเหนือและภาคกลางผสมผสานให้กลมกลืนกัน ระเบียงปูด้วยศิลาแลงโดยรอบตัวอุโบสถทั้งหมดก่อสร้างด้วยไม้แกะสลักลวดลายไทยเป็นภาพสามมิติ มีความอ่อนช้อยงดงามวิจิตรตามประตู หน้าต่าง เพดาน ภาพเกี่ยวกับพุทธประวัติประกอบด้วยลายไทยเครือเถา ทิวทัศน์ป่า สรรพสัตว์นานา หน้าบรรณของอุโบสถหน้าหลัง และหลังคาด้านในจะเป็นภาพพระพุทธองค์ในปางต่างๆ ด้วยลีลาพระอิริยาบถต่างๆ ทศชาติชาดก และวิหารสังฆนิมิต ซึ่งเป็นที่เก็บพระพุทธรูป พระเครื่องที่หายากเปิดให้เข้าชมทุกวัน วัดพุทธนิมิต มีความสวยงามของทัศนียภาพของภูค่าว และชมความน่ารักของฝูงนกยูงอยู่หลายสิบตัว บางตัวกำลังรำแพน ออกท่าทางสวยงามได้รับการยกย่องชื่นชมจากสาธุชนทั่วไปว่า เป็นวัดที่มีทัศนียภาพสวยงามยิ่ง ทั้งวัตถุธรรมและเสนาสนะสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ล้วนวิจิตรอลังการ ประหนึ่งเป็นพุทธสถานแห่งการท่องเที่ยวทั้งทางโลก-ทางธรรม และคงความศักดิ์สิทธิ์
ค่ำคืนนี้นอนมหาสารคาม ตื่นรับอรุณออกเดินทางด้วยใจอันบริสุทธิ์ เพื่อไปกราบสักการะ " พระอัฐิของย่าโม วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ณ วัดศาลาลอย " พระอุโบสถที่สร้างแบบศิลปะไทยประยุกต์เป็นรูปสำเภาโต้คลื่น ใช้วัสดุพื้นเมืองอย่างกระเบื้องดินเผาด่านเกวียนมาประดับตกแต่ง ทั้งผนังด้านหน้าอุโบสถที่เป็นภาพพุทธประวัติ ตอน มารผจญ ผนังด้านหลังเป็นภาพตอนพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ส่วนบานประตูเป็นภาพโลหะลายนูนจากเรื่องเวชสันดรชาดก ตัวอุโบสถล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วรูปเสมา สัญลักษณ์ของเมืองเสมาเดิม ซึ่งอุโบสถหลังนี้เคยได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ 
นอกจากนี้ ภายในยังมีพระประธานปูนปั้นสีขาวปางห้ามสมุทร พระพุทธรูปยืนประทับ ณ ประตูเมืองสังกัสนครโดยมีสมเด็จพระสังฆราชได้ทรงถวายพระนามว่า " พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์ " ส่วนบริเวณด้านหน้าประตูอุโบสถมีรูปปั้นท้าวสุรนารีนั่งพนมมืออยู่ใต้ร่มเงาศาลากลางสระน้ำ ด้านข้างมีสถูปขนาดเล็กซึ่งเคยใช้เป็นที่บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีอยู่ด้วย ผู้คนมากมายแวะเวียนมากราบขอพรเจดีย์บรรจุอัฐิย่าโมที่วัดศาลาลอยแห่งนี้เป็นจำนวนมาก โดยเชื่อกันว่าย่าโมจะสามารถดลบันดาลให้สมปรารถนาได้ ภายในวัดศาลาลอยยังคงมีสถานที่น่าสนใจอีกอาทิ เช่น อาคารอนุสรณ์ 238 ปี ท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม) , หอเทพพระราหูทรงครุฑ , อาศรม พระอาจารย์ ครูปู่หมอชีวกโกมารภัจจ์ เป็นต้น
วิธีสร้างบุญบารมีในพระพุทธศาสนานั้นมีอยู่สามขั้นตอน คือ การให้ทาน รักษาศีล และการเจริญภาวนา ซึ่งการให้ทานนั้นเป็นการสร้างบุญเบื้องต้นที่สุด ได้บุญน้อยที่สุดในการทำบุญทั้งสามขั้นตอน ซึ่งการให้ทานนี้ ไม่ว่าจะทำมากอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะได้บุญมากไปกว่าการรักษาศีลไปได้ และการรักษาศีลนั้น ถึงแม้ว่าจะรักษาอย่างเคร่งครัดอย่างไร ก็ไม่มีทางที่จะได้บุญมากเกินไปกว่าการเจริญภาวนาไปได้ ฉะนั้นการเจริญภาวนา จึงเป็นการสร้างบุญบารมีที่สูงสุดได้บุญมากที่สุด หากมั่นทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาสะสมบุญเอาไว้มากๆ ชีวิตมีความสุขพบเจอแต่สิ่งที่ดีงามเจริญรุ่งเรื่องขึ้นกว่าเดิม

5 สุดยอดสถานที่เที่ยวเดินป่าหน้าฝน


5 สุดยอดสถานที่เที่ยวเดินป่าหน้าฝน

เข้าสู่ฤดูฝนมองไปทางไหนหัวใจก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า หลังจากที่โรยรามานานหลายเดือน คราวนี้คงได้เริงร่ารับสายฝนที่พรำลงมากันอย่างสนุกสนาน และได้เวลาของนักเดินป่าทั้งหลายที่จะเตรียมตัวแบกเป้เข้าป่าอีกครั้งเพื่อไปชมความงามของธรรมชาติในช่วงฤดูฝน ป่าที่ไหนน่าเที่ยวชมบ้างตามไปดูกัน...พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกันได้เลย

1. อช. เขาใหญ่ จ. นครราชสีมา
เป็นสถานที่เดินป่าที่ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้ว เป็นที่ที่นักเดินทางหัวใจสีเขียวต้องไม่พลาด เพราะที่นี่นั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวให้คุณได้ศึกษาธรรมชาติมากมายหลายแห่ง ทั้งทุ่งหญ้า ป่าเขา และน้ำตกที่แสนงดงาม นอกจากนี้ยังมีสัตว์ป่าหายากหลายชนิด เช่น ช้าง กระทิง นกเงือก เป็นต้น ซึ่งทาง อช. ได้จัดเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติไว้หลายเส้นทาง ส่วนใครที่ชอบน้ำตกก็มีน้ำตกชื่อดังอย่างน้ำตกเหวสุวัต น้ำตกเหวนรก ให้คุณได้ชมท่ามกลางป่าดงดิบพื้นสุดท้ายของดงพญาเย็น
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานนครราชสีมา โทร. 0 4421 3666, 0 4421 3030

2. อช. ภูสอยดาว จ. อุตรดิตถ์
มีพื้นที่สภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร ยอดสูงสุดของภูสอยดาวสูงจากระดับน้ำทะเล 2,102 เมตร ซึ่งสูงเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย มีจุดเด่นที่น่าสนใจและเป็นที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยว ได้แก่ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น และการผจญภัยขึ้นสู่ลานสนสามใบอันสวยงาม มีเนื้อที่กว้างประมาณ 1,000 ไร่ ที่นี่คุณจะได้พบกับดอกหงอนนาคที่ชูช่อล้อเล่นกับเม็ดฝนเป็นทุ่งกว้าง อีกทั้งเห็ดนานาชนิดที่ขึ้นในช่วงฤดูฝน ใครเป็นนักอนุรักษ์ธรรมชาติรับรองว่าคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากในการเดินทางแน่ๆ
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท.สำนักงานแพร่ โทร.0 5452 1118

3. อช. น้ำหนาว จ. เพชรบูรณ์
ป่าน้ำหนาวเป็นเขตกั้นระหว่างภาคอีสานและภาคเหนือสภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นเทือกเขาสูงทอดยาวผ่านจังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยทั่วไปอากาศหนาว เย็นในตอนดึกและตอนเช้า ส่วนใหญ่ตอนกลางวันอากาศเย็นสบาย จึงกล่าวได้ว่าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวมีอากาศหนาวเย็นตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี 25 องศาเซลเซียส แม้ว่านักท่องเที่ยวส่วนมากจะมาเยือนป่าน้ำหนาวในช่วงฤดูหนาว แต่ในช่วงฤดูฝนน้ำหนาวก็นับว่ามีเสน่ห์และชวนหลงใหลเพราะป่าสนเขานั้นจะชุ่มฉ่ำไปด้วยละอองฝน ผืนป่าเต็มไปด้วยผีเสื้อนานาพันธุ์ อีกทั้งยังมีดอกไม้ป่าและกล้วยไม้ดินที่พร้อมใจกันออกดอกให้นักท่องป่าได้ยลโฉมด้วย
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
4. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จ. เลย
เป็นอีกภูหนึ่งที่ชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งรวมพันธุ์พืชโดยเฉพาะไม้ดอก และกล้วยไม้มีมากกว่าที่ใดๆ แต่ด้วยเหตุที่สถานที่แห่งนี้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า การที่จะมาเยือนนั้นต้องได้รับอนุญาติจากกรมป่าไม้ก่อน เส้นทางศึกษาธรรมชาติบนภูหลวง  เป็นเส้นทางเดินต่อเนื่องกันคุณจะได้เดินผ่านป่าดงดิบ ลำห้วย ป่าสนสามใบ และทุ่งดอกไม้สลับทุ่งหญ้าหลายชนิด อีกทั้งยังมีกุหลาบขาวและกล้วยไม้ป่าต่าง ๆ ให้ชมบริเวณผาโหล่นแต้ อีกทั้งยังมีจุดชมทิวทัศน์ของภูหอ ภูกระดึง นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผากบ ผาชมวิว โหล่นช้างผึ้ง ซุ้มงูเห่า และน้ำตกสายทอง
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานเลย โทร. 0 4281 2812
5.อช. ภูหินร่องกล้า จ. พิษณุโลก
ภูหินร่องกล้า มีระดับความสูงจากน้ำทะเล 1,300-1,400 เมตร ในช่วงฤดูฝนเมฆฝนจะปกคลุมยอดเขาเป็นไอหมอกขาวสวยงามมาก โดยเฉพาะเส้นทางท่องเที่ยวชมลานหินปุ่ม ผาชูธง คุณจะได้ชมแหล่งต้นน้ำที่ไหลผ่านลานหิน เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่งรับน้ำฝนบนลานหิน เช่น หงส์ทอง เปราะภู และยังปกคลุมไปด้วยมอส ตะไคร่ เฟิน และกล้วยไม้ชนิดต่างๆ ซึ่งทางอุทยานตั้งชื่อเส้นทางเดินป่าแห่งนี้ว่า "สวรรค์บนดิน" นอกจากนี้ยังมีน้ำตกหลายแห่ง เช่น น้ำตกหมันแดง น้ำตกศรีพัชรินทร์ น้ำตกผาลาด และน้ำตกตาดฟ้า เป็นต้น
สอบถามรายละเอียดได้ที่ ททท. สำนักงานพิษณุโลก โทร. 0 5525 2742-3
เรื่อง: กันต์ ณ ปกรณ์
ภาพ: ธนปกรณ์ สุขสาลี, ศุภสวัสดิ์ เพียรธัญกรณ์ http://yaipearn.multiply.com, ททท. สำนักงานเลย ททท.สำนักงานพิษณุโลก 
ขอขอบคุณข้อมูล: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

เกียรติสูงสุดของนักกีฬา วิเคราะห์บอลพรุ่งนี้


เกียรติสูงสุดของนักกีฬา

เกียรติสูงสุดของนักกีฬา
เกียรติสูงสุดของนักกีฬา
หลังจากนั่งนับวันเวลารอคอยกีฬา "โอลิมปิกเกมส์" ครั้งที่ 30 หรือ "ลอนดอนเกมส์" มาเป็นเวลานาน มาถึงวันนี้ก็เหลือเวลาอีกเพียง 7 วันเท่านั้น กีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ก็จะเปิดฉากขึ้น โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคม ถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2555
เมื่อพูดถึงพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เชื่อเหลือเกินว่าแฟนนานุแฟนที่ติดตามคงจะคาดหวังว่า เจ้าภาพคือ อังกฤษ จะจัดการแสดงเอาไว้แบบยิ่งใหญ่อลังการด้วยแสงสีเสียงที่ล้ำสมัยไม่แพ้เมื่อ 4 ปีก่อนที่ ณ ปักกิ่ง ประเทศจีน
โดยพิธีเปิด "ลอนดอนเกมส์" นี้นั้นทางเจ้าภาพได้ออกมาเผยก่อนหน้านี้แล้วว่า จะอลังการไม่แพ้หลายๆ ครั้งที่ผ่านมาแน่นอน โดยจะใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง และมี แดนนี บอยล์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง "สลัมด็อก มิลเลี่ยนแนร์" เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้กำกับดูแลพิธีเปิดครั้งนี้ ซึ่งเจ้าภาพได้วางงบประมาณในพิธีเปิดไว้สูงถึง 27 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,350 ล้านบาท
เมื่อเป็นเช่นนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนๆ กีฬาก็คงจะใจจดใจจ่ออยู่หน้าจอทีวีไม่หนีไปไหนเป็นแน่แท้ระหว่างที่มีพิธีเปิด "ลอนดอนเกมส์" ซึ่งตรงกับเวลาประเทศไทยก็คือ 03.00 น. หรือ 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
นอกจากการแสดงในพิธีเปิดแล้ว เชื่อว่าอีกหนึ่งไฮไลต์ที่แฟนกีฬาต่างจับจ้องก็คือ การเดินเข้าสู่สนามในพิธีเปิดของขบวนนักกีฬาแต่ละประเทศ และที่แฟนๆจับจ้องเป็นพิเศษก็คือนักกีฬารายใดจะเป็นผู้ได้รับเกียรติสูงสุดให้ถือธงชาติประเทศตัวเองนำขบวนเข้าสู่สนาม
สำหรับบางประเทศก็ได้มีการเปิดเผยชื่อของนักกีฬาที่จะเป็นคนถือธงชาติลงสนามออกมาบ้างแล้ว อาทิ สเปน ยกให้ ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสขวัญใจคนทั่วโลกรับเกียรตินี้, รัสเซีย ให้เกียรตินี้กับ มาเรีย ชาราโปวา นักเทนนิสสาวสวยชื่อก้องโลก, โนวัค โยโควิช ผู้เชิญธงชาติเซอร์เบีย, โปแลนด์มี แอ็คเนสก้า รัดวันสก้า นักเทนนิสสาว และที่สร้างความฮือฮาได้อีกชาติหนึ่งก็คือกาตาร์ ที่แหวกม่านประเพณี ด้วยการส่งนักกีฬาหญิงลงแข่งเป็นครั้งแรก และให้บาฮิน่า อัล-ฮาเหม็ด นักยิงปืนสาวเป็นผู้รับเกียรติถือธงชาติกาตาร์เข้าสนาม
ด้านเกียรตินี้ของนักกีฬาจากสยามประเทศ "บิ๊กต้อม" นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย ยังอุบเงียบไม่ยอมเปิดเผย แต่แย้มเอาไว้ว่ามีนักกีฬาที่อยู่ในข่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น "ซูเปอร์แมน" บุญศักดิ์ พลสนะ นักแบดมินตัน
หรือ "เจมส์บอนด์" ณัฐพงษ์ เกษอินทร์ นักว่ายน้ำ หรืออาจจะมีนักกีฬารายอื่นๆแทรกขึ้นมารับเกียรตินี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องดูด้วยว่านักกีฬาที่จะถือธงไตรรงค์จะมีแข่งในวันถัดไปหรือเปล่า เพราะพิธีเปิดมีความยาวกว่า 3 ชั่วโมง จากการบอกกล่าวของ "บิ๊กต้อม"
เอาเป็นว่าคนไทยทั้งประเทศคงต้องลุ้นกันแล้วว่านักกีฬาในดวงใจของตัวเอง ใครจะเป็นผู้ได้รับเกียรติสูงสุดของชีวิต ในการเชิญธงไตรรงค์ นำขบวนนักกีฬาจากสยามประเทศลงสู่สนาม เพื่อให้คนทั่วโลกได้เห็น
สำหรับในอดีตที่ผ่านมามีนักกีฬาไทยมากความสามารถหลายรายได้รับเกียรตินี้ หากย้อนหลังไป 2 ครั้งล่าสุด หากแฟนๆยังคงจำได้ ปี ค.ศ. 2004 กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ภราดร ศรีชาพันธุ์ โชว์ความสง่างามด้วยการเชิญธงไตรรงค์เข้าสู่สนาม
จากนั้นปี ค.ศ. 2008 ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน วรพจน์ เพชรขุ้ม ยอดนักมวยในเวลานั้นเป็นผู้รับเกียรติอันสูงสุดของนักกีฬาไทยไปครอง

ใคร? คือมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก


ใคร? คือมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก

ใคร? คือมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก
ใคร? คือมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก
"ซอยสามัคคี" คอลัมน์ซึ่งเป็นที่นิยม และมีผู้ติดตามอ่านมากที่สุดในหน้า 4 ส่วนล่างของหนังสือพิมพ์ฮอตสกอร์ มีอันต้องขาดหายจากเนื้อที่สัมปทานไป 3 วัน วันแรก เป็นเพราะติดเรื่อง "หวย" ส่วนอีก 2 วันที่เหลือ เป็นเพราะมีฟุตบอลฟาดแข้งกันเยอะมาก จึงถูกคอลัมน์ "ฮอตสกอร์ขอบอก" ซึ่งเป็นคอลัมน์ฮิตที่สุดในหน้า 3 มาเบียดบังไป
ทั้ง ๆ ที่ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ มีเรื่องราวหลากหลาย ที่ผมอยากจะพูด อยากจะเขียนถึง ทั้งเรื่องราวข่าวความเคลื่อนไหวในแวดวงกีฬาบ้านเรา และของต่างประเทศ
น่าเสียดายจริง ๆ ครับ เมื่อเรื่องมันผ่านพ้นไปแล้ว หากจะเอากลับมาเขียนถึงอีก มันก็จะดู "เชย" และ "ล้าสมัย" ไปหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ "คิว" อุ่นแข้งของทีมชาติไทย ที่มีออกมาแบบ "เสียไม่ได้" และดู "ไม่เข้าท่า" ที่สุด
เพราะไม่รู้ว่า "คิดกันได้ไง" ใช้โปรแกรมฟีฟ่าเดย์ ให้ทีมชาติชุดใหญ่ เตะกับทีมรวมดารานักเตะต่างชาติในไทยลีก เพราะดูเหลี่ยมไหน มุมไหน มันก็ไม่ได้เกิด "ประโยชน์" กับทีมชาติเลยสักนิดเดียว แถมเมื่อถึงเวลาจริง ๆ ผมขอ "ท้า" เอาไว้ล่วงหน้าเลยก็แล้วกันว่า
เมื่อถึงเวลาจะต้องเตะกันจริง ๆ ก็จะมีบรรดาผู้เล่นจากทีม "เส้นก๋วยจั๊บ" , ทีม "เสียงดังฟังชัด" หรือทีม "ดีทุกเรื่องไม่เคยเสื่อมเสีย" ออกมา "ถอนตัว" ด้วยเหตุผลต่าง ๆ นา ที่ยังไงก็ต้องถือว่า "ฟังขึ้น"
เรื่องของ 2 นักกอล์ฟไทย "โปรช้าง" ธงชัย ใจดี และ "โปรหมาย" ประหยัด มากแสง ไปร่วมชิงชัยในศึกเมเจอร์ที่ 3 ของปี "ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ" ที่สนามรอยัล ลิแธ่ม แอนด์ เซนต์ แอน ก็ถือว่าน่าติดตาม เนื่องเพราะว่า ช่วงนี้ "โปรช้าง" กำลังอยู่ในฟอร์ม "ขาขึ้น" ที่ผู้สันทัดกรณีในวงการกอล์ฟเมืองนอก เขาถึงกับบอกให้ "จับตามอง" นักกอล์ฟชาวเมืองลพบุรีผู้นี้ให้ดี
ในต่างประเทศนั้น เรื่องราวของตลาดซื้อ-ขาย โยก-ย้าย ช่วงซัมเมอร์นี้ ที่ดู "คึกคัก" พอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หัวหอกของทีมปืนใหญ่ "อาร์เซนอล" ที่ยังไม่ลงเอยซะทีว่าจะไปอยู่กับสโมสรไหน แต่ว่ากันว่า ถ้าไม่ใช่ 2 ทีมเมืองแมนเชสเตอร์ ที่รับบท "ตาอิน" กับ "ตานา" กำลังแย่งกันอยู่ขณะนี้ ก็มีสิทธิที่จะกลายเป็นทีมยักษ์ใหญ่ของอิตาลี "ม้าลาย" ยูเวนตุส ที่สวมวิญญาณ "ตาอยู่" มาหยิบชิ้นปลามันก็เป็นได้
หรือเรื่องราวการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ภายหลังได้ แบรนดัน ร็อดเจอร์ส เข้ามาทำหน้าที่เป็นกุนซือ ก็มีการ "โละทิ้ง" และ "ซื้อเข้า" อย่างมันมือในขณะนี้ จน "หน้าตา" ของทีมหงส์แดง แทบจะเปลี่ยนรูปโฉมจากซีซั่นที่แล้วไปเลย
แต่ว่า เรื่องที่มาถึงตอนนี้ คงต้องติดตามกันแบบจริงจัง และใกล้ชิด มากที่สุด คงหนีไม่พ้น มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ "ลอนดอน โอลิมปิก 2012" หรือ "ลอนดอน เกมส์" ครับ
นับจากวันนี้เป็นต้นไป ก็เหลือเวลาอีกแค่ สัปดาห์เดียวเท่านั้น มหกรรมกีฬาที่แฟน ๆ ทั่วทั้งโลกเฝ้ารอคอย ก็จะเริ่มขึ้นแล้ว
กีฬาโอลิมปิก ฤดูร้อน ที่กรุงลอนดอน หนนี้ ถือเป็นโอลิมปิกครั้งที่ 30 จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 27 กรกฎาคม ถึงวันที่ 12 สิงหาคม
นับตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2548 ซึ่งเป็นวันที่ กรุงลอนดอน ได้รับการโหวตให้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก หนที่ 30 โดยเฉือนเอาชนะ กรุงปารีส คู่แข่งสำคัญไปเพียง 4 คะแนน รัฐบาลอังกฤษ ทุ่มไม่อั้นจริง ๆ สำหรับการทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่รายการนี้ ที่ว่ากันว่า งบประมาณในการเตรียมการต่าง ๆ และการจัดการแข่งขัน สูงร่วม 10,000 ล้านปอนด์ หรือเกือบ ๆ 500,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
อังกฤษ ต้องการที่จะให้การจัดการแข่งขันหนนี้ ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น และเรียบร้อย จึงยอมเฉือนเนื้อตัวเองด้วยงบประมาณมหาศาล ส่วนในแง่ของผลการแข่งขันนั้น ทีมนักกีฬาของสหราชอาณาจักร คงมีเป้าหมายเพียง ขอทำอันดับให้ติด "ท็อปทรี" ของทำเนียบเหรียญทองเท่านั้นเอง ส่วนการเป็นเจ้าเหรียญทองนั้น คงต้องยกให้ทีมกีฬาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และทีมสหรัฐอเมริกา เขาแย่งกัน
4 ปีก่อน ที่ปักกิ่ง จีน ครองความเป็นเจ้าเหรียญทอง ด้วยการคว้าไป 51 เหรียญทอง โดยมี สหรัฐ ตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 36 เหรียญทอง แต่สำหรับลอนดอนเกมส์ หนนี้ ทีมกีฬาจากสหรัฐ หวังอย่างยิ่ง ว่าจะกลับมาแย่งบัลลังก์เจ้าเหรียญทองจากจีนให้ได้ ซึ่งการขับเคี่ยวแย่งชิงความเป็น 1 ของลอนดอนเกมส์ ระหว่าง จีน กับ สหรัฐ คาดว่าจะดุเด็ดเผ็ดมันยิ่ง
การแข่งขันที่ถือว่า จะมีผู้ชมจากทั่วโลก เฝ้าติดตามมากที่สุด และถือเป็น "ไฮไลท์ ของในลอนดอนเกมส์ หนนี้ หนีไม่พ้น การชิงความเป็น เจ้าลมกรด ในประเภทวิ่ง 100 เมตรชาย
ที่ปักกิ่ง อูเซน โบลท์ ลมกรดชาวจาเมกา มาด้วยฟอร์ม "เหนือดุจเทวดา" เมื่อคว้าเหรียญทองทั้งจากวิ่ง 100 , 200 และร่วมกับเพื่อนซิว 4x100 เมตรชาย แถมทุกรายการยังทำลายสถิติเดิมลงอย่างราบคาบอีกด้วย
มีการวิเคราะห์กันว่า หาก อูเซน โบลท์ สามารถออกสตาร์ทได้ดีเหมือน โยฮัน เบลค เพื่อซี้ของเขาในทีมกรีฑาจาเมกา โอกาสที่ เจ้าลมกรดสายฟ้าผู้นี้ จะได้เหรียญทอง 100 เมตรชายอีกหนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เขาอาจจะกลายเป็น มนุษย์คนแรกของโลก ที่ทำเวลาในการวิ่ง 100 เมตร ได้ต่ำกว่า 9 วินาที
แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ดูจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่นัก เนื่องเพราะอาการบาดเจ็บรบกวนอย่างต่อเนื่อง มันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ที่ อูเซน โบลท์ จะป้องกันแชมป์ของเขาเอาไว้ได้ แม้เขาจะยังคงถูกยกให้เป็น "เต็ง 1" อยู่ก็ตามที
ทั้งนี้เพราะว่า โยฮัน เบลค กำลังมีฟอร์มการเล่นในช่วงขาขึ้น และเอาชนะ โบลท์ ได้ตลอดในการเจอกันช่วงหลัง ในขณะที่ ไทสัน เกย์ กับ จัสติน แกตลิน 2 ลมกรดสหรัฐ ที่หวังจะมาทวงแค้น ก็มีฟอร์มการวิ่งที่อยู่ในช่วง "ดีที่สุด" เช่นกัน
วิ่ง 100 เมตรชาย ในศึกลอนดอนเกมส์ จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม และวันนั้น เราจะได้รู้กันว่า
ใคร? คือมนุษย์ที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก
ติดตามข่าวกีฬา วิเคราะห์บอล ผลบอล ฟุตบอล รอบโลก ได้ที่นี่

สมรักษ์ ตำนานเหรียญทองแรก อลป.


ตำนานเหรียญทองแรกอลป.

ตำนานเหรียญทองแรกอลป.
ตำนานเหรียญทองแรกอลป.
"ลอนดอนเกมส์" กำลังจะมา "หลี่หมิง" กำลังโหยหาอดีตที่เคยผ่านมหกรรมโอลิมปิกเกมส์มา 3 ครั้ง แม้ครานี้ไร้ภารกิจทั้งทำข่าว และวอร์รูม แต่ก็จะใช้ประสบการณ์สอดแทรกเป็น "ยาดำ" ในงานเขียน และการจัดรายการ
"หลี่หมิง" เชิญชวนคนไทยส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทย ซึ่งประเมินแล้วหนักหนาสาหัสสากรรจ์ในการลุ้นเหรียญ หากจะได้ขอฟันธงว่า จะมีจาก "เทควันโด"
ส่วนกีฬาอื่นๆ นั้นได้แค่เหรียญเงิน กับเหรียญทองแดงก็ถือว่า "กิ๊บเก๋" ไปจนถึง "สุดหรู" แร้ว!!!
สำหรับนิทรรศการ "ไม่ได้โม้ โอลิมปิก" ถ่ายทอดตำนานนักกีฬาโอลิมปิกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเรื่องราวของแชมป์โอลิมปิกไทย เปิดตัวแถลงข่าวแบบน่าประชาสัมพันธ์
งานนี้สามารถพบกันได้ที่พิพิธภัณฑ์ตราไปรษณียากรสามเสนใน เวลา 8.30-16.30 น. ทุกวันยกเว้นวันจันทร์-อังคาร และวันนักขัตฤกษ์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2831-3722, 0-2271-2439
เห็น "ไอ้บาส" สมรักษ์ คำสิงห์ วีรบุรุษเหรียญทองออกงานแล้ว "หลี่หมิง" ทึ่ง เพราะสไตล์ลูกล่อลูกชน สามารถหยอกล้อ และขึ้นเวทีขับกล่อมดนตรีได้ จึงเหมือน "แมวเก้าชีวิต" มีจ๊อบไม่ขาดรายได้เสริมเยอะจนหลายคนอิจฉา
"หลี่หมิง" เห็น "สมรักษ์" ตั้งแต่ฉายแววอัจฉริยะในแบบมวยไทย ช่วงใกล้ไร้คู่ถูก "ราชนาวี" ดึงตัวต่อยมวยสากลสมัครเล่นในรายการชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย คว้าแชมป์จนติดทีมชาติ
ช่วงหวือหวาสุดๆ คือนัดชิงชนะเลิศมวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์ประเทศไทยต่อยเย็นๆ ที่อาคารนิมิบุตรดันตรงกับโปรแกรมต่อยมวยไทยคู่เอกกับ "ฉมวกเพชร ห้าพลัง" แต่ "ไอ้บาส" ไม่สนคว้าแชมป์รายการแรกอย่างสบายๆ ก่อนที่จะนั่งรถมอเตอร์ไซค์ไปเวทีราชดำเนินชกต่อ 2 รอบ
ปรากฏว่า "ฉมวกเพชร" ไล่บี้แต่ทำอะไรไม่ถนัด ถูกถีบกระตุกล่อหลอกจน "ขุนเข่าคอมพิวเตอร์" พ่ายคะแนนไปอย่างขาดลอย แต่ "ไอ้บาส" เป็นลมหลังระฆังยกสุดท้ายดังขึ้นจนต้องหามส่งโรงพยาบาล
โอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของ "ไอ้บาส" ที่นครบาร์เซโลน่า ถือเป็นประสบการณ์ และไม้ประดับ งานนั้น "อาคม เฉ่งไล่" เป็นพระเอก แต่ 4 ปีต่อมา "สมรักษ์ คำสิงห์" ขึ้นชั้นเป็น "วีรบุรุษเหรียญทอง" และยิ่งใหญ่สุดๆ เพราะเป็นเหรียญแรกของคนไทย
ว่ากันว่า "แอตแลนตา เกมส์" ที่ถูกบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ "ไอ้บาส" กลายเป็น "เสี่ย" ด้วยเงินสด และของรางวัลร่วม 40 ล้านบาท ก่อนที่จะละลายหายไปในพริบตาในเวลาไม่กี่ปี
เหมือนกับคำกล่าวนักมวยส่วนใหญ่จะใช้ชื่อ "ทนหน่อย ต่อยใช้หนี้" อีก 4 ปีที่นครซิดนีย์ "ไอ้บาส" กลับมาทวงคืนทุกสิ่ง (โดยเฉพาะเงิน) แต่ไปได้ไกลแค่รอบ 8 คนสุดท้าย ด้วยผลงานแพ้อาร์เอสซี นักชกอเมริกันอย่างยับเยินที่สุดในชีวิตการต่อยมวย
เหตุผลคือ สังขารไม่อำนวย "ไอ้บาส" ผ่าตัดเข่าก่อนต่อย 4-5 เดือน เมื่อสภาพความแกร่งถูกลดทอนด้วยการลดน้ำหนัก และต่อยในแต่ละครั้ง บันทึกของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 1996 จึงเป็นการพ่ายน็อกคนแรกในโอลิมปิกเกมส์ครั้งต่อมา
ไม่น่าเชื่อว่าโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 4 ของ "ไอ้บาส" ในกรุงเอเธนส์จะมีอีก ด้วยฤทธิ์เดชของความอัจฉริยะ ไม่ต้องซ้อมก็ชนะนักมวยที่ซ้อมตลอดปี จนได้เป็นตัวแทนทีมชาติ แต่ได้ชกแค่รอบแรกพ่ายมวยแคนาเดียน ทิ้งตำนาน "ไม่ได้โม้" ให้คนไทยจดจำ
แม้จะมีคนหมั่นไส้ "สมรักษ์" ไม่น้อย แต่คนที่รัก ชื่นชม และจดจำ "ไอ้บาส" มีมากมาย ในฐานะผู้สร้างความสุขสมให้กับคนไทย และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ
ตำนานบทใหม่กำลังจะเริ่มขึ้น คุณเป็นใครให้ลุ้นให้เชียร์กัน บ๊ายบาย ปู๊นๆ ฉึกฉักๆๆๆๆ
เรื่องโดย "หลี่หมิง"

สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิค 2008 17 ก.ค. 55 09.51 น. พิมพ์หน้านี้ สนับสนุนเนื้อหา (+ให้คะแนนบทความ) 1 2 3 4 5 เปิดอ่าน 2,099 ความคิดเห็น 0 สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิค 2008


สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิค 2008

สมจิตร จงจอหอ นักชกเหรียญทองโอลิมปิค 2008